"สัญญากู้" มีรายละเอียดไม่ครบ ควรเซ็นดีหรือไม่

8 จำนวนผู้เข้าชม  | 

"สัญญากู้" มีรายละเอียดไม่ครบ ควรเซ็นดีหรือไม่

ในชีวิตประจำวัน การกู้ยืมเงินเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้เสมอ สิ่งสำคัญที่มักถูกมองข้ามคือการทำสัญญาเงินกู้ที่มีรายละเอียดครบถ้วนและชัดเจน

1. กฎหมายกำหนดไว้อย่างไร

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 บัญญัติว่า

“การกู้ยืมเงินกว่าสองพันบาทขึ้นไปนั้น ถ้ามิได้มีหลักฐานแห่งการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ จะฟ้องร้องให้บังคับคดีหาได้ไม่”

หมายความว่า สัญญากู้ที่มียอดเงินเกิน 2,000 บาทขึ้นไปต้องมี ‘หลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้ยืม’ หากไม่มี ก็ฟ้องศาลไม่ได้

ดังนั้น แค่พิมพ์ข้อความในไลน์หรือแอปอื่น ๆ ว่า ขอกู้ยืมเงินโดยมียอดเกิน 2,000 บาทขึ้นไป หรือมีสลิปข้อความว่ายืมเงินกันเกิน 2,000 บาท + ลายเซ็นผู้กู้ ก็เป็นหลักฐานฟ้องร้องที่ศาลได้แล้ว แต่ถ้าไม่มีก็ฟ้องไม่ได้

ในกรณีที่มีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร + ลายเซ็นผู้กู้ แล้ว หากเขียนรายละเอียดในนั้นไม่ชัดเจน ก็อาจก่อให้เกิดปัญหาภายหลังได้ โดยเฉพาะเวลามีข้อพิพาท

2. หากบอกรายละเอียดไม่ครบ จะเกิดปัญหาอย่างไร

• พิสูจน์ยาก:

หากไม่ได้ระบุจำนวนเงิน วันครบกำหนด หรืออัตราดอกเบี้ยให้ชัดเจน การนำไปฟ้องร้องต่อศาลก็อาจลำบากเรื่องการพิสูจน์เจตนา

• เกิดการตีความไม่ตรงกัน:

ผู้กู้กับผู้ให้กู้อาจเข้าใจต่างกัน เช่น ผู้กู้คิดว่าไม่มีดอกเบี้ยเท่านั้นเท่านี้ แต่ผู้ให้กู้คิดว่ามีดอกเบี้ยเท่านั้นเท่านี้ เป็นต้น

• ศาลอาจตีความไม่เป็นคุณฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง:

เมื่อสัญญาไม่ชัดเจน ศาลอาจต้องใช้ข้อสันนิษฐานทางกฎหมาย เช่น หากไม่ระบุเรื่องดอกเบี้ย ศาลก็จะคิดดอกเบี้ยผิดนัดตามอัตราของกฎหมาย เป็นต้น

• อาจโดนเติมข้อความโดยไม่ตรงกับความเป็นจริงได้:

หากไม่เติมข้อความลงไปในสัญญาให้ชัดเจน หรือเว้นช่องว่างเอาไว้ให้ไปเติมกันเอง ผู้ที่ไม่หวังดีอาจเติมข้อความเพิ่มเติมเข้าไปโดยฝ่าฝืนความยินยอมของเราได้ เช่น ยอดเงินกู้ อัตราดอกเบี้ย กำหนดชำระ หรือเงื่อนไขอื่น ๆ ที่บิดเบือนไม่ตรงความจริงหลังเราเซ็นชื่อลงไปแล้ว เป็นต้น ทำให้เราเสียเปรียบตามมา 

• สัญญาอาจไม่มีผลบังคับ:

ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 หากกู้เงินเกิน 2,000 บาท ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือพร้อมลายมือชื่อผู้กู้เท่านั้นจึงจะฟ้องร้องบังคับคดีได้ หากสัญญาไม่ครบถ้วน เช่น ไม่มีลายเซ็นผู้กู้ ศาลอาจปฏิเสธไม่รับฟ้องได้

• แม้จะไม่เขียนบนกระดาษ แต่ถ้าการกู้ยืมเงินถูกบันทึกผ่านข้อความอิเล็กทรอนิกส์ (เช่น Facebook, LINE, Email) ที่สามารถเข้าถึงและตรวจสอบได้ว่ามีความหมายไม่เปลี่ยนแปลง ก็ใช้เป็นหลักฐานฟ้องร้องได้เช่นกัน จึงควรระบุข้อความแห่งสัญญากู้กันให้ครบ

3. ควรทำสัญญาเงินกู้อย่างไรให้รัดกุม

เพื่อความมั่นใจ ควรทำเป็น หนังสือสัญญาเงินกู้ โดยมีรายละเอียดดังนี้

• จำนวนเงินที่กู้
• วันเดือนปีที่กู้
• วันครบกำหนดชำระ
• อัตราดอกเบี้ย (ถ้ามี แต่ต้องไม่เกิน 15% ต่อปี ตามที่กฎหมายกำหนด)
• วิธีการชำระหนี้ เช่น เงินสด โอนผ่านบัญชีธนาคาร
• ลายมือชื่อของผู้กู้และผู้ให้กู้
• หากเป็นจำนวนมาก ควรมีพยานลงชื่อรับรอง

4. สรุป: ควรเซ็นหรือไม่

การทำสัญญาเงินกู้ที่บอกรายละเอียดไม่ครบ ไม่ควรทำ เพราะเสี่ยงเกิดข้อพิพาทกันได้ คำแนะนำคือ หากจำเป็นต้องกู้หรือให้กู้ ควรทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรที่มีรายละเอียดครบถ้วน ชัดเจน และถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อป้องกันปัญหาในอนาคต

หากมีปัญหาเรื่องสัญญากู้และอยากปรึกษาทนาย เรายินดีให้ความเห็นเบื้องต้นให้ครับ

ขอบคุณครับ

ทนายเนส

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้