58 จำนวนผู้เข้าชม |
หลายคนอาจเคยเจอเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดคำถาม เช่น ลูกจ้างทำให้ทรัพย์สินของบริษัทเสียหาย นายจ้างจะหักเงินเดือนลูกจ้างชดใช้ความเสียหายที่เกิดขึ้นได้หรือไม่ วันนี้สำนักงานของเราจะมาตอบคำถามนี้ในทางกฎหมายกันครับ
1. นายจ้างหักค่าจ้างของลูกจ้างไม่ได้เว้นแต่กฎหมายจะกำหนด
มาตรา 76 แห่ง พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 กำหนดไว้ชัดเจนว่า ห้ามหักค่าจ้างเว้นแต่เป็นกรณีที่กฎหมายยอมให้ทำได้ เช่น หักเพื่อชำระภาษีเงินได้ หนี้สหกรณ์ ค่าบำรุงสหภาพแรงงาน เงินกองทุนสะสม (กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ) หรือชดใช้ค่าเสียหายให้แก่นายจ้าง เป็นต้น แต่การหักนี้ต้องเข้าเงื่อนไขพิเศษตามที่กฎหมายกำหนด
2. เงื่อนไขที่นายจ้างมีสิทธิหักค่าจ้างเพื่อชดใช้ค่าเสียหายได้
2.1 ลูกจ้างต้องทำความเสียหายโดย “จงใจ” หรือ “ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง”
ดังนั้น แค่ลูกจ้างประมาท “ธรรมดา” นายจ้างจะหักค่าจ้างไม่ได้
2.2 ต้องได้รับความยินยอมจากลูกจ้างเป็นหนังสือ (มาตรา 77)
การยินยอมด้วยปากเปล่ายังไม่เพียงพอ ต้องมีเอกสารที่มีข้อความว่าลูกจ้างยินยอมให้หักค่าจ้างหลังลูกจ้างทำให้นายจ้างเสียหายด้วยความจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง พร้อมลงลายเซ็นของลูกจ้างอย่างชัดเจน
2.3 การหักต้องอยู่ในวงเงินที่กฎหมายกำหนด
กล่าวคือ
ก) หักได้ไม่เกิน 10% ของค่าจ้างในแต่ละครั้ง และ
ข) เมื่อรวมกับการหักในข้ออื่น ๆ ต้องไม่เกิน 1/5 (20%) ของค่าจ้างทั้งหมด (คือรวมกันแล้วต้องไม่เกินเพดาน 20% นั่นเอง)
ตัวอย่างที่ 1 นาย ก. เป็นลูกจ้างของบริษัท ข. นาย ก. ได้รับเงินเดือนเดือนละ 30,000 บาท นาย ก. ยอมให้นายจ้างหักค่าจ้างเพื่อสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (provident fund) ได้ 15% ของเงินเดือนทุกเดือน ต่อมานาย ก. ลืมส่งงานให้ลูกค้ารายสำคัญทั้งที่ได้รับคำเตือนจากหัวหน้าหลายครั้งแล้วว่าอย่าลืมส่ง ทำให้นายจ้างเสียหายอย่างมาก กรณีนี้ นายจ้างมีสิทธิมีสิทธิหักเงินเดือนของนาย ก. ได้โดยให้นาย ก. ทำหนังสือยินยอมให้หักเงินเดือนชดใช้ค่าเสียหายและให้นาย ก. เซ็นในหนังสือนั้น
อย่างไรก็ตาม กรณีหักได้เพียง 5% ไม่ใช่ 10% เพราะนาย ก. ยอมให้หักเงินเดือนสมทบเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพไปแล้ว 15% หากยอมให้หักได้อีก 10% ก็จะเกินเพดาน 20% ตามที่กฎหมายกำหนด
อย่างไรก็ตาม ถ้าลูกจ้างยินยอมเป็นพิเศษให้หักได้เกินอัตราที่ระบุไว้ข้างต้น นายจ้างก็มีสิทธิหักได้เกินจำนวนดังกล่าวได้ เช่น ให้นาย ก. เซ็นยินยอมว่า ให้หักค่าจ้างได้ 10% เพื่อชดใช้ค่าเสียหาย ดังนี้ แม้เกินเพดาน 20% ตามกฎหมาย นายจ้างก็มีสิทธิหักได้
ตัวอย่างที่ 2 ถ้าลูกจ้างแค่ทำงานผิดพลาดธรรมดา เช่น พิมพ์เอกสารผิด หรือลืมส่งงานครั้งเดียวและไม่ได้ลืมเพราะประมาทอย่างร้ายแรง นายจ้างไม่มีสิทธิหักเงินลูกจ้างเพราะไม่เข้าเงื่อนไขตามที่กฎหมายกำหนด
3. ถ้านายจ้างหักค่าจ้างเองโดยไม่ทำตามกฎหมาย
หากนายจ้างหักเงินเองโดยไม่มีความยินยอมเป็นหนังสือที่ลงลายเซ็นของลูกจ้าง หรือความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นไม่ได้เกิดจากความ “จงใจ/ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง” ของลูกจ้าง นายจ้างมีความผิดตามกฎหมาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิ 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามมาตรา 144 ของ พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน
4. ทำอย่างไรถ้านายจ้างหักเงินโดยผิดกฎหมาย
ลูกจ้างสามารถร้องเรียนต่อ “พนักงานตรวจแรงงาน” ได้เพื่อร้องเรียนและให้มีคำสั่งให้คืนเงินทั้งหมดคืนแก่ลูกจ้าง
แต่หากเจ้าหน้าที่ดำเนินการล่าช้า ลูกจ้างสามารถปรึกษาทนายความที่มีประสบการณ์เพื่อให้คำแนะนำเบื้องต้นและให้ดำเนินคดีแทนได้ สำนักงานขอเรายินดีให้บริการครับ
5. สรุป
นายจ้างไม่มีสิทธิหักค่าจ้างลูกจ้างตามอำเภอใจแม้ลูกจ้างจะทำความเสียหายก็ตาม เว้นแต่กรณีที่ลูกจ้างทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง นอกจากนี้ นายจ้างต้องมี หนังสือยินยอมจากลูกจ้างลงลายเซ็นของลูกจ้างอย่างชัดเจน จึงจะหักเงินได้ และหักได้ไม่เกินเพดานตามที่กฎหมายกำหนดด้วย
ขอบคุณครับ
พุทธพจน์ นนตรี
ทนายความ
ณัฐพจน์ ลีกัล เซอร์วิส
094-550-0835
Email: phutthaphotng@gmail.com
ขอขอบคุณภาพจาก: www.freepik.com