5 จำนวนผู้เข้าชม |
หนึ่งในคำถามสำคัญของการบริหารกิจการแบบบริษัท คือ หากกรรมการของบริษัทประพฤติผิดหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นการจัดการงานโดยปราศจากความระมัดระวัง การแสวงหาประโยชน์เพื่อตนเอง หรือการกระทำที่ขัดต่อผลประโยชน์ของบริษัท บริษัทหรือผู้ถือหุ้นสามารถดำเนินคดีกับกรรมการได้หรือไม่
1. หน้าที่ของกรรมการตามกฎหมาย
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1168 วรรคหนึ่ง กำหนดว่า
“ในอันที่จะประกอบกิจการของบริษัทนั้น กรรมการต้องใช้ความเอื้อเฟื้อสอดส่องอย่างบุคคลค้าขายผู้ประกอบด้วยความระมัดระวัง”
และมาตรา 1168 วรรคสาม กำหนดว่า ห้ามมิให้กรรมการทำการค้าแข่งกับบริษัทเว้นแต่จะได้รับความยินยอมของที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้น หากฝ่าฝืนย่อมเข้าลักษณะผิดหน้าที่และต้องรับผิดในความเสียหาย
ดังนั้น กรรมการบริษัทจึงมีหน้าที่จัดการกิจการของบริษัทด้วยความระมัดระวังอย่างเช่นบุคคลที่ประกอบธุรกิจพึงกระทำ และต้องไม่ค้าแข่งกับบริษัทถ้าไม่ได้รับความยินยอมของที่ประชุมใหญ่ผู้ถือหุ้น
2. สิทธิในการฟ้องกรรมการ
มาตรา 1169 บัญญัติว่า
"ถ้ากรรมการทำให้เกิดเสียหายแก่บริษัท บริษัทจะฟ้องร้องเรียกเอาสินไหมทดแทนแก่กรรมการก็ได้ หรือในกรณีที่บริษัทไม่ยอมฟ้องร้อง ผู้ถือหุ้นคนหนึ่งคนใดจะเอาคดีนั้นขึ้นว่าก็ได้..."
จากบทบัญญัติดังกล่าว บริษัทจึงมีสิทธิฟ้องกรรมการเพื่อเรียกค่าเสียหายจากการที่กรรมการผิดหน้าที่ได้โดยตรง และหากบริษัทไม่ดำเนินการฟ้อง ผู้ถือหุ้นคนใดคนหนึ่งก็มีสิทธิใช้สิทธิฟ้องแทนบริษัทในลักษณะของการ ฟ้องแทนบริษัท (derivative action)
อย่างไรก็ตาม หากบริษัทยังไม่ฟ้อง ผู้ถือหุ้นจะฟ้องคดีทันทีไม่ได้ ต้องเตือนบริษัทให้ฟ้องคดีก่อน หากเตือนแล้วบริษัทเพิกเฉยไม่ยอมฟ้องกรรมการ ผู้ถือหุ้นจึงจะมีสิทธิฟ้องกรรมการได้ แต่ผู้ถือหุ้นต้องออกค่าใช้จ่ายในการฟ้องคดีเอง และเงินที่ฟ้องได้ต้องเอาเข้าบริษัท ไม่ใช่ฟ้องมาเป็นทรัพย์ของตน
ถ้าผู้ถือหุ้นด่วนฟ้องคดีโดยที่ไม่รอให้บริษัทฟ้องก่อน ผู้ถือหุ้นจะไม่มีอำนาจฟ้อง (ไม่มีสิทธิฟ้อง)
นอกจากนี้ การจะฟ้องกรรมการได้นั้น บริษัทต้องยังไม่จดทะเบียนเลิกบริษัท หากจดทะเบียนเลิกบริษัทแล้ว บริษัทหรือผู้ถือหุ้นก็จะฟ้องกรรมการที่ทำความเสียหายให้แก่บริษัทไม่ได้ ต้องให้ผู้ชำระบัญชีเป็นผู้ดำเนินการแทน
3. อายุความในการฟ้องคดี
การฟ้องกรรมการเพราะเหตุที่กรรมการก่อความเสียหายให้แก่บริษัทนี้ต้องฟ้องภายในอายุความ 1 ปีนับแต่ทราบเรื่อง แต่ไม่เกิน 10 ปีนับแต่วันที่มีการก่อความเสียหาย มิฉะนั้นจะขาดอายุความ
4. ถ้าบริษัทไม่ฟ้องกรรมการ ผู้ถือหุ้นทำอย่างไรได้บ้าง
ผู้ถือหุ้นควรทำหนังสือเตือนบริษัทให้ฟ้องกรรมการที่ทำความเสียหายให้แก่บริษัทก่อนพร้อมกำหนดระยะเวลาให้ปฏิบัติตามหนังสือ หากบริษัทเพิกเฉย ไม่ยอมฟ้องกรรมการ ผู้ถือหุ้นค่อยดำเนินการฟ้องกรรมการที่ทำความเสียหายให้แก่บริษัทต่อไป
นอกจากนี้ ผู้ถือหุ้นควรเก็บสำเนาหนังสือเตือนบริษัทไว้เป็นหลักฐานประกอบคำฟ้องด้วยเพื่อเป็นหลักฐานแสดงว่าตนมีอำนาจฟ้อ
5. คำพิพากษาศาลฎีกาที่น่าสนใจ
ฎีกาที่ 1426/2542 ป.พ.พ. มาตรา 1169 วรรคหนึ่ง ที่บัญญัติว่า ถ้ากรรมการทำให้เกิดเสียหายแก่บริษัท ๆ จะฟ้องร้องเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนแก่กรรมการก็ได้ หรือในกรณีที่บริษัทไม่ยอมจะฟ้องร้อง ผู้ถือหุ้นคนหนึ่งคนใดจะเอาคดีนั้นขึ้นว่ากล่าวก็ได้นั้น เป็นการให้อำนาจแก่ผู้ถือหุ้นฟ้องกรรมการบริษัทผู้ทำให้บริษัทเสียหาย ซึ่งโดยปกติบริษัทย่อมเป็นผู้ฟ้องเรียกให้กรรมการผู้นั้นชดใช้ค่าเสียหายแก่บริษัท ส่วนผู้ถือหุ้นจะเป็นผู้ฟ้องตามมาตรา 1169 วรรคหนึ่ง ได้นั้น จะต้องฟ้องแทนหรือฟ้องเพื่อประโยชน์ของบริษัท เฉพาะกรณีที่บริษัทไม่ฟ้องและเป็นการฟ้องเรียกร้องเอาค่าสินไหมทดแทนเท่านั้น แต่การที่โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 ขอให้พิพากษาว่านิติกรรมขายสิทธิตามสัญญาจะซื้อจะขายระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 เป็นโมฆะ หาใช่เป็นการฟ้องเพื่อเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยที่ 1 ไม่ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
ฎีกาที่ 2685/2543 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1169 เป็นเรื่องที่บริษัทยังไม่เลิกและกรรมการทำให้เกิดเสียหายแก่บริษัท ถ้าบริษัทไม่ยอมฟ้องร้องเรียกเอาสินไหมทดแทนแก่กรรมการผู้ถือหุ้นคนหนึ่งคนใดจะเอาคดีนั้นขึ้นว่าก็ได้ เมื่อบริษัทโจทก์เลิกโดยคำพิพากษาแล้วไม่มีกฎหมายให้อำนาจผู้ถือหุ้นฟ้องคดีแทนบริษัทได้ ซ. ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทโจทก์จึงฟ้องคดีแทนโจทก์ไม่ได้แม้ผู้ชำระบัญชีที่ศาลแต่งตั้งใหม่แทนคนเดิมที่ถูกเพิกถอนจะเพิ่งนำบอกให้จดทะเบียนการเลิกบริษัทโจทก์และประกาศในราชกิจจานุเบกษาหลังจากโจทก์ฟ้องคดีแล้ว ก็เป็นเรื่องผู้ชำระบัญชีคนเดิมปฏิบัติหน้าที่ไม่สอดคล้องกับกฎหมายไม่เป็นเหตุให้บริษัทโจทก์กลับฟื้นขึ้นมาใหม่และไม่เป็นเหตุให้ผู้ชำระบัญชีที่ยังไม่ถูกถอดถอนหมดอำนาจฟ้องคดีแทนโจทก์และแม้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในฐานะผู้ชำระบัญชียื่นคำร้องหลังจากที่ ซ. ฟ้องคดีแล้วขอเข้าว่าคดีแทนบริษัทโจทก์ซึ่งศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตนั้น ก็หาทำให้ฟ้องที่ไม่ชอบกลับเป็นฟ้องที่ชอบขึ้นมาในภายหลังไม่
ฎีกาที่ 10878/2551 ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1169 วรรคหนึ่ง บัญญัติให้อำนาจผู้ถือหุ้นมีอำนาจฟ้องร้องเอาค่าสินไหมทดแทนจากผู้เป็นกรรมการบริษัทที่ทำให้เกิดเสียหายแก่บริษัทได้ การที่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ซึ่งเป็นกรรมการบริษัท บ. สมคบกันในการประชุมกรรมการบริษัทและมีมติให้ขายที่ดินของบริษัทให้แก่จำเลยทั้งแปดซึ่งเป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นของบริษัทและบุคคลภายนอกในราคาต่ำกว่าราคาประเมินและราคาตามท้องตลาดทำให้บริษัทเสียหาย เป็นการกระทำโดยทุจริตสมคบกันเบียดบังเอาทรัพย์สินของบริษัทมาเป็นของตนเองหรือผู้อื่นอันเป็นการกระทำละเมิดต่อบริษัท เมื่อบริษัทไม่ยอมฟ้องร้องจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ซึ่งเป็นกรรมการบริษัท โจทก์ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท บ. ย่อมมีอำนาจฟ้องร้องจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ซึ่งเป็นกรรมการได้แต่โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 5 ถึงที่ 8 ซึ่งมิได้เป็นกรรมการบริษัท บ.
ฎีกาที่ 2481/2552 โจทก์ทั้งหกฟ้องโดยอาศัยอำนาจตาม ป.พ.พ. มาตรา 1169 วรรคหนึ่ง ที่บัญญัติว่า "ถ้ากรรมการทำให้เกิดเสียหายแก่บริษัท บริษัทจะฟ้องร้องเรียกเอาสินไหมทดแทนแก่กรรมการก็ได้ หรือในกรณีที่บริษัทไม่ยอมฟ้องร้องผู้ถือหุ้นคนหนึ่งคนใดจะเอาคดีนั้นขึ้นว่าก็ได้..." ตามบทบัญญัติดังกล่าวให้อำนาจผู้ถือหุ้นฟ้องกรรมการบริษัทผู้ทำให้บริษัทเสียหาย ซึ่งปกติบริษัทย่อมเป็นผู้ฟ้องเรียกให้กรรมการผู้นั้นชดใช้ค่าเสียหายแก่บริษัท ส่วนผู้ถือหุ้นจะเป็นผู้ฟ้องตามมาตรา 1169 วรรคหนึ่ง ต้องเป็นการฟ้องแทนหรือฟ้องเพื่อประโยชน์ของบริษัทเฉพาะกรณีที่บริษัทไม่ฟ้องเพื่อเรียกร้องเอาค่าสินไหมทดแทนจากกรรมการผู้ทำให้บริษัทได้รับความเสียหายเท่านั้น แต่การที่โจทก์ทั้งหกฟ้องขอให้เพิกถอนการโอนที่ดิน โฉนดเลขที่ 10397 ระหว่างจำเลยที่ 1 และที่ 2 โดยอ้างว่าจำเลยที่ 1 และที่ 3 ได้คบคิดกันฉ้อฉลและให้จำเลยทั้งสามจดทะเบียนโอนคืนที่ดินให้แก่จำเลยที่ 2 หาใช่เป็นฟ้องเพื่อเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยที่ 3 ไม่โจทก์ทั้งหกจึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 3 สำหรับจำเลยที่ 1 เป็นบุคคลภายนอกไม่ได้เป็นกรรมการในบริษัทจำเลยที่ 2 โจทก์ทั้งหกจึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 ตามบทบัญญัติดังกล่าวได้
ฎีกาที่ 8455/2563 การที่โจทก์ใช้สิทธิฟ้องคดีตาม ป.พ.พ. มาตรา 1169 เป็นการที่ผู้ถือหุ้นฟ้องคดีเพื่อประโยชน์ของบริษัท ส่วนการทำบันทึกข้อตกลงที่ พ. และโจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายผู้ขายกับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นฝ่ายผู้ซื้อตกลงกันว่า ตามที่ฝ่ายผู้ซื้อและผู้ขายทั้งสองมีข้อพิพาทเกี่ยวกับการดำเนินกิจการของบริษัทเป็นคดีอาญาของศาลแขวงสงขลา ทั้งสองฝ่ายสามารถระงับข้อพิพาทกันได้ โดยจำเลยที่ 1 ผู้ซื้อตกลงซื้อหุ้นของ พ. และโจทก์ผู้ขายทั้งสองซึ่งมีอยู่ในบริษัทรวม 5,333 หุ้น มูลค่าหุ้นเป็นเงิน 15,000,000 บาท จำเลยที่ 1 จะชำระค่าหุ้นภายในวันที่ 3 กรกฎาคม 2558 เมื่อมีการโอนหุ้นให้จำเลยที่ 1 แล้ว พ. และโจทก์จะไม่เข้ายุ่งเกี่ยวกับกิจการของบริษัท และทั้งสองฝ่ายไม่ติดใจเรียกร้องใด ๆ ต่อกันอีกไม่ว่าทางแพ่งหรือทางอาญา กรณีเช่นนี้เป็นข้อตกลงของผู้ถือหุ้น โดย พ. และโจทก์ตกลงให้จำเลยที่ 1 ซื้อหุ้นจากฝ่ายตน เมื่อ พ. และโจทก์ขายหุ้นในบริษัทแล้ว จำเลยที่ 1 จะได้ใช้สิทธิบริหารบริษัทแต่ผู้เดียว เป็นทำนองให้ผู้ถือหุ้นที่ไม่ประสงค์จะลงทุนในบริษัทซึ่งมีความขัดแย้งด้านการบริหารขายหุ้นและออกไปจากบริษัท ซึ่งหากมีการซื้อขายหุ้นตามที่ตกลงกันแล้ว พ. และโจทก์ก็จะไม่เกี่ยวข้องกับกิจการของบริษัทอีก จึงเป็นข้อตกลงที่ผูกพันกันด้วยฐานะการเป็นผู้ถือหุ้นเป็นส่วนตัว ไม่ได้เป็นการระงับสิทธิเรียกร้องในการเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายที่เกิดแก่บริษัทซึ่งเป็นนิติบุคคลแยกต่างหากจากผู้ถือหุ้น จึงหาได้มีผลเป็นการตกลงสละการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนกรณีกรรมการทำให้เกิดความเสียหายแก่บริษัทไม่ เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ชำระค่าหุ้นตามข้อตกลง โจทก์ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทและโจทก์กล่าวอ้างว่าจำเลยทั้งสามซึ่งเป็นกรรมการบริษัทนำสินทรัพย์และสิทธิเรียกร้องของบริษัทไปซื้อหุ้นในส่วนของจำเลยที่ 3 ให้บริษัทถือหุ้นของตนเอง ทำให้บริษัทได้รับความเสียหาย แต่บริษัทไม่ยอมฟ้องคดี โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องคดีแทนบริษัทเพื่อเรียกให้จำเลยทั้งสามชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่บริษัทได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1169 อันเป็นการใช้สิทธิของผู้ถือหุ้นตามที่กฎหมายบัญญัติไว้
5. บทสรุป
กรรมการมีหน้าที่ต้องจัดการกิจการด้วยความระมัดระวังตามมาตรฐานของผู้ประกอบธุรกิจ ไม่ใช่ทำกันตามมาตรฐานธรรมดาทั่วไป ดังนั้น กรรมการจึงต้องบริหารบริษัทให้เป็นไปตามมาตรฐานของผู้ประกอบธุรกิจและไม่แสวงหาประโยชน์ที่ทับซ้อนกับบริษัท หากกรรมการผิดหน้าที่จนเกิดความเสียหาย บริษัทย่อมมีสิทธิฟ้องกรรมการเพื่อเรียกค่าเสียหายได้ และหากบริษัทนิ่งเฉย ผู้ถือหุ้นก็มีสิทธิดำเนินการแทนเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของบริษัทและผู้ถือหุ้นส่วนรวมได้เช่นกัน
หากต้องการปรึกษาทนายความในประเด็นเกี่ยวกับบริษัท สำนักงานของเรายินดีให้บริการครับ
ขอบคุณครับ
พุทธพจน์ นนตรี
ทนายความ
สำนักงานกฎหมายณัฐพจน์ ลีกัล เซอร์วิส ให้บริการว่าความในเขตกรุงเทพและปริมณฑล รวมทั้งให้คำปรึกษาทางกฎหมายแก่ผู้มีอรรถคดี